การติดตั้งเก้าอี้หอประชุมให้เรียบร้อยและลงตัว จำเป็นต้องอาศัยความแม่นยำในทุกขั้นตอน เพราะเก้าอี้หอประชุมไม่ได้เป็นแค่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง แต่มีผลต่อภาพรวมของพื้นที่ การมองเห็นเวที ความสะดวกของผู้ใช้งาน และความเป็นระเบียบของทั้งห้อง ทีมติดตั้งจึงต้องเริ่มตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งมอบงาน เพื่อให้มั่นใจว่าเก้าอี้ทุกตัวถูกจัดวางตรงตำแหน่ง แข็งแรง และพร้อมใช้งานจริง
ลำดับขั้นตอนการติดตั้งจริง (Installation Process)
—
สำรวจและวัดพื้นที่หน้างาน
วางแผนจุดวางเก้าอี้ คำนวณแถวที่นั่งตามที่ต้องการ
เลือกสี วัสดุและฟังก์ชั่นของเก้าอี้หอประชุม
ตรวจสอบมุมมองจากแต่ละจุดที่นั่งอีกครั้ง
พร้อมติดตั้งเก้าอี้หอประชุมทั้งตัวให้เรียบร้อย
ตรวจสอบความมั่นคงและทำความสะอาดก่อนใช้งาน
1. สำรวจและวัดพื้นที่หน้างาน
ก่อนจะวางเก้าอี้ลงในพื้นที่จริง เราจะต้องวัดพื้นที่และเก็บรายละเอียดหน้างานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความกว้าง-ยาวของห้อง ความสูงของพื้น เวที หรือพื้นที่ไล่ระดับ เพราะข้อมูลเหล่านี้คือจุดตั้งต้นของการวางแผนทั้งหมด
แนะนำ: ถ้าห้องมีความลาดเอียงหรือมีขั้น (Riser) จะช่วยให้การจัดแถวทำได้แม่นยำและเห็นเวทีได้ชัดขึ้น
2. วางแผนจุดวางเก้าอี้หอประชุม
เมื่อตรวจสอบขนาดห้องเรียบร้อย ขั้นตอนถัดไปคือการคำนวณว่าในพื้นที่ที่มีอยู่ สามารถจัดวางเก้าอี้ได้กี่แถว และกี่ที่นั่งต่อแถวอย่างเหมาะสม
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการวางแถว:
ความกว้างของห้อง: ใช้กำหนดจำนวนที่นั่งต่อแถว
ความลึกของห้อง: ใช้กำหนดจำนวนแถว
ทางเดิน (Aisle): โดยทั่วไปจะเว้น 90-150 ซม. มีตั้งแต่เว้นด้านข้าง เว้นตรงกลาง ตามที่ต้องการ
การวางแบบแถวตรง หรือแถวโค้งขึ้นอยู่กับรูปทรงห้อง ถ้าเป็นโรงละครหรือโรงหนังบางแห่งอาจใช้แถวโค้งเพื่อปรับแนวสายตาให้ดียิ่งขึ้น โดยการวางแบบเก้าอี้หอประชุมส่วนใหญ่จะวางแบบดังนี้
1. การวางแบบเก้าอี้หอประชุมแบบมี 2 ทางเดิน
2. การวางแบบเก้าอี้หอประชุมแบบมี 3 ทางเดิน
3. การวางแบบเก้าอี้หอประชุมแบบมี 4 ทางเดิน
4. การวางแบบเก้าอี้หอประชุมแบบครึ่งวงกลม
แนะนำ: ห้องใหญ่ควรเว้น 2-4 ทางเดิน เพื่อความคล่องตัว ถ้าใช้ แถวโค้ง ควรเว้นทางเดินตรงกลางและด้านข้างช่วยให้เข้า-ออกสะดวกทุกที่นั่ง
3. เลือกสี วัสดุ และฟังก์ชั่นของเก้าอี้หอประชุม
การเลือกสีเก้าอี้หอประชุม
การเลือกสีเก้าอี้ในหอประชุม หรือ Auditorium ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม การใช้งาน และความรู้สึกของผู้ใช้งาน "สีบ่งบอกอัตลักษณ์ และสร้างบรรยากาศ" โดยสีของเก้าอี้มีผลโดยตรงต่อภาพรวมของห้องทั้งในแง่ ความรู้สึกของผู้ใช้ และ บุคลิกขององค์กร
โทนสีเข้ม เช่น ดำ เทา น้ำเงินกรมท่า: เหมาะกับห้องประชุมทางการหรือหอประชุมในหน่วยงานรัฐ เพราะให้ความรู้สึกสงบ สุภาพ และเป็นมืออาชีพ สีเข้มยังช่วยปกปิดคราบสกปรกได้ดี เหมาะกับการใช้งานหนัก
โทนสีสว่างหรือสดใส เช่น เขียว ม่วง ส้ม: เหมาะกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือโรงภาพยนตร์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ทันสมัย และจดจำง่าย โดยเฉพาะหากใช้ควบคู่กับธีมห้องหรือโลโก้แบรนด์
วัสดุของเก้าอี้ไม่เพียงส่งผลต่อรูปลักษณ์ แต่ยังส่งผลต่อความทนทาน และการดูแลรักษาในระยะยาว โดยทั่วไปวัสดุของเก้าอี้หอประชุมแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
เบาะที่นั่งและพนักพิง
หุ้มผ้า: ให้สัมผัสนุ่มสบาย ระบายอากาศดี เหมาะกับห้องแอร์ แต่ต้องเลือกผ้าที่กันคราบหรือผ่านการเคลือบกันไฟ
หุ้มหนังเทียม (PVC หรือ PU): เช็ดทำความสะอาดง่าย ดูแลรักษาง่าย ทนการใช้งานหนัก เหมาะกับห้องที่ใช้งานถี่หรือมีความเสี่ยงเปื้อนสูง
โครงสร้าง (Structure)
เหล็กพ่นสี: แข็งแรง ใช้งานได้นาน มีให้เลือกทั้งแบบพ่นสีฝุ่นหรืออบความร้อน เพิ่มความทน
อลูมิเนียมหรือสแตนเลส: สำหรับงานที่เน้นความหรูหรา หรืออยู่ในพื้นที่ชื้น
แผ่นหลังหรือที่วางแขน
แผ่นไม้: ให้ภาพลักษณ์อบอุ่น เหมาะกับห้องประชุมใหญ่หรือโครงการที่เน้นความภูมิฐาน
พลาสติกฉีดขึ้นรูป: ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา ราคาประหยัด
แนะนำ: เลือกวัสดุที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานจริง เช่น ใช้ทุกวัน หรือใช้เฉพาะกิจ, ต้องเช็ดทำความสะอาดบ่อยหรือไม่
ฟังก์ชันของเก้าอี้หอประชุมเป็นอีกสิ่งที่ควรเลือกให้เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง แต่ควรมี "เท่าที่จำเป็น" เพื่อควบคุมงบประมาณ และยังให้ประโยชน์สูงสุด
เบาะพับอัตโนมัติ (Auto-return): ช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยอยู่เสมอ และสะดวกต่อการเดินผ่าน
ที่วางแขน: เพิ่มความสบายในการนั่งประชุมหรือนั่งดูการแสดงนาน ๆ
แผ่นเลคเชอร์ (Writing Tablet): เหมาะกับห้องสัมมนา ห้องอบรม หรือหอประชุมอเนกประสงค์
เบาะกันไฟ (Fire Retardant Foam): สำหรับโครงการที่ต้องผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย
แนะนำ: ยิ่งฟังก์ชันมาก ราคาจะสูงขึ้น ควรวางลำดับความจำเป็น และเลือกเฉพาะที่ตอบโจทย์จริง ๆ
4. ตรวจสอบมุมมองจากแต่ละจุดที่นั่งอีกครั้ง
1. เช็คแนวสายตา (Sightline): ว่าทุกแถวสามารถเห็นเวทีได้ โดยไม่ต้องเอียงคอหรือยืดตัวเยอะ
ผู้ชมควรมองเห็นเวทีได้อย่างชัดเจนทุกตำแหน่ง สำหรับการแสดงต่าง ๆ มีระยะที่แนะนำ เช่น:
ละครเวที (Drama): การแสดงละครเน้นการสื่อสารผ่านสีหน้าและท่าทางของนักแสดง ผู้ชมจึงไม่ควรอยู่ห่างจากเวทีเกิน 20 ม. เพื่อให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน
โอเปร่าและละครเพลง (Opera & Musicals): สีหน้าไม่ใช่ประเด็นหลัก การรับชมสามารถอยู่ไกลได้มากกว่า โดยไม่ควรเกิน 30 ม.
การแสดงเต้นรำ (Dance Performances): สีหน้าไม่สำคัญเท่าท่าทางและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผู้ชมจึงควรอยู่ห่างไม่เกิน 20 ม. เพื่อมองเห็นท่าทางและรูปแบบการเต้นได้ชัดเจน
คอนเสิร์ตห้องเล็ก (Chamber Concerts): ทั้งคุณภาพเสียงและการมองเห็นมีความสำคัญ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับผู้ชม
การประชุม, การบรรยาย (Conferences, Speakers, Lecturers): แบ่งเป็น 2 แบบ:
แบบใกล้: เน้นการสื่อสารทางสีหน้า จำกัดระยะห่างที่ไม่เกิน 20 ม.
แบบไกล: ไม่จำเป็นต้องเห็นสีหน้า ใช้จอภาพหรือระบบเสียงช่วยในการนำเสนอ
การฉายสไลด์, วิดีโอ, โทรทัศน์, โปรเจกเตอร์: ระยะห่างที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉายภาพ
2. ดูระดับความสูงของแต่ละแถว: หากใช้พื้นไล่ระดับ ต้องมั่นใจว่าความสูงแต่ละขั้นเพียงพอให้มองข้ามแถวหน้าได้
3. ตรวจสอบตำแหน่งเสาและผนัง: ว่ามีอะไรบังสายตาบ้างหรือไม่
4. ทดสอบจากมุมต่าง ๆ: โดยเฉพาะริมสุด ซ้าย-ขวา หรือแถวหลังสุด
การตรวจสอบมุมมองจากที่นั่งเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้มั่นใจว่า ทุกที่นั่งมอบประสบการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะอยู่หน้า กลาง หรือริมสุดนั่นเอง
ตัวอย่างการคำนวณ: หากต้องการติดตั้ง แถวละ 6 ที่นั่งใช้ เก้าอี้แบบครึ่งตัว (ขาร่วม) จำนวน 5 ตัวใช้ เก้าอี้แบบเต็มตัว (ขาเดี่ยว) จำนวน 1 ตัว รวมทั้งหมด 6 ที่นั่ง โดยประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
พื้นที่สำหรับคนเดินผ่านระหว่างแถว คือ 40 ซม. โดยระยะนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามจำนวนที่นั่งในแต่ละแถว
ระยะห่างเบาะหลังไปอีกหนึ่งเบาะหลัง ที่ระบุไว้ในมาตรฐานคือ 90-100 ซม.